ฟื้นฟูสมองตีบใน 6 เดือนแรก

เวลาทองคำที่คุณไม่ควรพลาด


อาการเส้นเลือดในสมองแตก
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

เส้นเลือดในสมองแตก คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดและออกซิเจน เนื่องจากการอุดตันของหลอดเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงยังสมองได้ และทำให้เซลล์สมองถูกทำลายและเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้สมองไม่สามารถควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย รวมถึงไม่สามารถควบคุมอวัยวะภายนอกได้ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับโรคเส้นเลือดสมองแตกว่ามีความร้ายแรงอย่างไร และส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากน้อยเพียงใด

สาเหตุของโรคเส้นเลือดในสมองแตกเกิดจากอะไร?

สาเหตุของเส้นเลือดในสมองแตกเกิดจากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตที่สูงเกินไป ส่งผลให้เลือดที่ไปเลี้ยงสมองมีน้อยมาก จนทำให้หลอดเลือดมีความเปราะบางและส่งผลให้หลอดเลือดมีการปริแตกออกจากกัน ซึ่งทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมอง  และส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาด้านการสื่อสาร การพูด การคิดวิเคราะห์ และการประมวลผล ผู้ป่วยบางรายถึงกับมีอาการมึนงง หรือขยับร่างกายบริเวณแขน ขา ไม่ได้ ถึงขั้นเป็นอัมพาตครึ่งซีก หากร้ายแรงก็จะส่งผลถึงขั้นเสียชีวิต ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ของสาเหตุอาการเส้นเลือดในสมองแตก คือโรคเบาหวาน การสูบบุหรี่จัด ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง และไม่สามารถควบคุมได้ทันท่วงที

เส้นเลือดในสมองแตก มีอาการอย่างไร?

อาการเส้นเลือดในสมองแตกเบื้องต้น เมื่อสมองขาดเลือดจะทำให้สมองไม่สามารถควบคุมและทำงานได้ตามปกติ ซึ่งอาการเส้นเลือดสมองแตก จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง ดังนี้

1. เส้นเลือดในสมองแตก อาการเริ่มแรก
แขน ขา เกิดอาการชาหรืออ่อนแรง หน้าเบี้ยว ชาครึ่งซีก กล้ามเนื้ออ่อนแรง พูดไม่ชัด กลืนลำบาก ปวดศีรษะ เวียนหัวบ้านหมุน มองเห็นภาพซ้อน เดินเซ หรือการทรงตัวลำบาก

2. เส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน
เกิดการเสียสมดุลการทรงตัวอย่างฉับพลัน ไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนไหวร่างกายได้ และมีปัญหาในด้านการมองเห็น เช่น สายตาพร่ามัว มองไม่เห็น หรือมีอาการตาบอดข้างเดียวอย่างทันทีทันใด บางรายอาจพบอาการปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน ร่วมกับการคลื่นไส้อาเจียน และอาการดังกล่าวก็จะขึ้นอยู่กับการเสียหายของเซลล์สมองที่ถูกทำลายของแต่ละบุคคล

3. เส้นเลือดในสมองแตก ไม่รู้สึกตัว
เป็นอาการเส้นเลือดสมองแตกที่บริเวณใกล้เคียงกับจุดที่เกิดการหดเกร็ง ซึ่งส่งผลให้สมองตายจากการขาดเลือดหรือเกิดภาวะโคม่า ทำให้ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถรับรู้อะไรได้ และส่งผลให้ไม่มีสติ เนื่องจากเกิดจากการที่สมองขาดเลือดและออกซิเจนเป็นระยะเวลานาน และยังทำให้เส้นเลือดในสมองแตกในบริเวณอื่น ๆ เพิ่มอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เส้นเลือดในสมองแตก รักษาหายไหม???

เส้นเลือดในสมองแตกสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยจะต้องรีบพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาอย่างเร็วที่สุด โดยทางแพทย์จะรักษาอาการเส้นเลือดในสมองแตกหรือฉีกขาดเฉียบพลัน เพื่อคุมปริมาณเลือดที่ออกในสมอง และรักษาระดับความดันของเลือด สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกในสมองปริมาณมาก หรือหากผู้ป่วยมีภาวะดันความดันในกะโหลกสูง จะต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หรือหากผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกในสมองปริมาณที่น้อย แพทย์จะไม่ทำการผ่าตัด แต่ให้การรักษาแบบประคับประคอง จนผู้ป่วยรู้สึกตัว หากมีการนำส่งผู้ป่วยช้า อาจส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับความอันตรายถึงขั้นเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ในที่สุด

เส้นเลือดในสมองแตก มีโอกาสรอดไหม???

อาการเส้นเลือดในสมองแตกหรือฉีกขาด (hemorrhagic stroke) หากได้รับการรักษาที่รวดเร็วอย่างทันท่วงทีรักษา จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสที่จะทำให้สมองกลับมาทำงานได้อย่างปกติ

ฟื้นฟูสมองตีบใน 6 เดือนแรก

เวลาทองคำที่คุณไม่ควรพลาด

ทำไม “6 เดือนแรก” ถึงสำคัญสำหรับผู้ป่วยสมองตีบ?
หากคุณเพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น สมองตีบ หรือ โรคหลอดเลือดสมองตีบ ภายใน 6 เดือนแรก

นี่คือช่วงเวลาที่นักฟื้นฟูสมองเรียกว่า “Golden Period” หรือเวลาทองคำ
เพราะสมองยังมีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง และสร้างเส้นทางการสั่งงานใหม่ได้ดีกว่าหลังจากนี้

อาการที่พบได้หลังสมองตีบ
แขนขาอ่อนแรง
ขยับได้ไม่เต็มที่แม้ทำกายภาพทุกวัน
เดินแล้วเซ สมองสั่งงานช้ากว่าปกติ
ลุก นั่ง นอน ลำบาก ต้องมีคนช่วย

กลัวว่าจะกลายเป็นภาระตลอดชีวิต
รู้สึกท้อ ถามตัวเองว่า “จะกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม?”

ฟื้นฟูสมองตีบ ไม่ใช่แค่กายภาพอย่างเดียว
หลายคนเข้าใจว่าการทำกายภาพคือคำตอบเดียว แต่ความจริงแล้ว การดูแลสมองจากภายใน มีความสำคัญไม่แพ้กัน
เพราะสมองต้องการสารอาหารและการไหลเวียนเลือดที่ดีเพื่อซ่อมแซมและสร้างการเชื่อมต่อใหม่ของเซลล์ประสาท

วิธีดูแลสมองจากภายใน
โภชนาการสมอง — รับประทานอาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า 3, เลซิติน, และสารต้านอนุมูลอิสระ
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด — ออกกำลังกายเบาๆ ตามที่แพทย์แนะนำ
เสริมสารสกัดธรรมชาติจากงานวิจัย — เช่น สารจากพืชบางชนิดที่ช่วยสนับสนุนสุขภาพหลอดเลือดและสมอง
พักผ่อนเพียงพอ — เพื่อให้สมองมีเวลาฟื้นตัว

อย่าปล่อยให้เวลาทองหลุดมือ
หากคุณเพิ่งเป็น สมองตีบไม่เกิน 6 เดือน
นี่คือโอกาสเดียวที่จะ กลับมาเดินได้ พูดได้ ทำงานได้ เหมือนเดิม
หลายคนที่ไม่ยอมแพ้ และลงมือฟื้นฟูทั้งจากภายในและภายนอก กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

สรุป......ช่วง 6 เดือนแรก คือเวลาทองคำของการฟื้นฟูสมอง
ควรผสมผสานการทำกายภาพบำบัดกับการดูแลสมองจากภายใน
ยิ่งเริ่มเร็ว โอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติยิ่งสูง
“อย่ารอให้ความหวังหมดไป… เพราะสมองของคุณยังฟื้นตัวได้”

อ้าว!!...แล้วคนที่เป็นเกิน 1 ปีแล้ว แสดงว่าแบบนี้กลับมาไม่ได้แล้วหรอ?
Powered by MakeWebEasy.com